top of page

เจาะลึก Intermittent Fasting (IF): กินยังไงให้ได้ผลสูงสุด คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่และผู้มีประสบการณ์

ree


ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่มีเทรนด์การลดน้ำหนักและการดูแลสุขภาพใดที่ได้รับความนิยมเท่ากับ Intermittent Fasting (IF) หรือการอดอาหารเป็นช่วงๆ IF ไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นรูปแบบการกินที่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์รองรับ และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดน้ำหนักและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของ IF ตั้งแต่หลักการพื้นฐาน ประโยชน์ที่แท้จริง รูปแบบที่นิยม เมนูอาหารที่เหมาะสม ไปจนถึงเทคนิคขั้นสูงที่จะช่วยให้คุณทำ IF ได้อย่างยั่งยืนและเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจที่สุด



Intermittent Fasting (IF) คืออะไร? และแตกต่างจากการลดน้ำหนักแบบอื่นอย่างไร?

Intermittent Fasting ไม่ใช่การอดอาหารแบบอดอยาก หรือการลดแคลอรี่แบบเข้มงวดตลอดเวลา แต่คือการสลับช่วงเวลาระหว่าง "การกิน" (Eating Window) และ "การอดอาหาร" (Fasting Window) โดยที่ไม่ได้กำหนดว่าต้องกินอะไร แต่เน้นที่การกำหนดว่า "จะกินเมื่อไหร่" นั่นเอง


ความแตกต่างที่สำคัญของ IF เมื่อเทียบกับการลดน้ำหนักแบบอื่นคือ IF มุ่งเน้นไปที่การปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะ อินซูลิน ในช่วงเวลาที่เราอดอาหาร ระดับอินซูลินจะลดลงต่ำ ทำให้ร่างกายสามารถดึงไขมันที่สะสมไว้มาใช้เป็นพลังงานได้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน


เปิด 5 ประโยชน์ที่แท้จริงของ IF (ไม่ใช่แค่การลดน้ำหนัก)

แม้ว่าเป้าหมายหลักของหลายคนในการทำ IF คือการลดน้ำหนัก แต่ประโยชน์ของ IF ไม่ได้จำกัดอยู่แค่นั้น งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นยืนยันว่า IF มีผลดีต่อสุขภาพในหลายด้าน ดังนี้


  1. ช่วยลดน้ำหนักและลดไขมันในร่างกาย: นี่คือประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุด การจำกัดเวลาการกินทำให้เรากินแคลอรี่โดยรวมน้อยลง และการอดอาหารนานๆ ยังช่วยให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะ Ketosis (ภาวะที่ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงาน) ได้ดีขึ้น ส่งผลให้ไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะไขมันหน้าท้องลดลงอย่างเห็นได้ชัด


  2. เพิ่มความไวของอินซูลิน: การที่ระดับอินซูลินลดลงในระหว่างการอดอาหารจะช่วยเพิ่มความไวของเซลล์ต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันและควบคุมโรคเบาหวานประเภท 2


  3. กระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ (Autophagy): การอดอาหารนานกว่า 12 ชั่วโมงจะกระตุ้นให้ร่างกายเข้าสู่กระบวนการที่เรียกว่า Autophagy ซึ่งเป็นกระบวนการทำความสะอาดตัวเองของเซลล์ โดยร่างกายจะกำจัดเซลล์เก่าหรือเซลล์ที่เสียหายออกไปเพื่อสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทน


  4. ดีต่อสุขภาพสมอง: มีงานวิจัยที่ชี้ว่า IF อาจช่วยเพิ่มการสร้างเซลล์ประสาทในสมอง และช่วยลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับความเสื่อมของสมอง เช่น อัลไซเมอร์และพาร์กินสัน


  5. ลดการอักเสบในร่างกาย: การอักเสบเรื้อรังเป็นสาเหตุของโรคหลายชนิด การทำ IF ช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ ทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น



ree

รูปแบบยอดนิยมของ Intermittent Fasting (IF)

การทำ IF มีหลายรูปแบบ แต่ละแบบเหมาะกับไลฟ์สไตล์และความต้องการที่แตกต่างกัน


  • แบบ 16/8: เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดและเหมาะสำหรับมือใหม่ โดยอดอาหาร 16 ชั่วโมง และมีช่วงเวลากิน 8 ชั่วโมง (เช่น กินได้ตั้งแต่ 12:00 น. ถึง 20:00 น. แล้วอดอาหารจนถึง 12:00 น. ของวันถัดไป) เป็นรูปแบบที่ทำได้ง่ายและยืดหยุ่น


  • แบบ 18/6: คล้ายกับแบบ 16/8 แต่เพิ่มช่วงเวลาอดอาหารให้ยาวนานขึ้น เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้นและคุ้นชินกับการอดอาหารแล้ว


  • แบบ 5:2: เป็นการกินอาหารปกติ 5 วันในสัปดาห์ และจำกัดแคลอรี่ให้อยู่ที่ 500-600 แคลอรี่ต่อวันในอีก 2 วันที่เหลือ (ไม่จำเป็นต้องเป็นวันที่ติดกัน)


  • แบบ 20/4 (Warrior Diet): หรือที่เรียกว่า "สูตรรบ" เป็นการอดอาหาร 20 ชั่วโมง และมีช่วงกินเพียง 4 ชั่วโมง มักจะกินอาหารหนัก 1 มื้อในช่วงเย็น เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์และต้องการความท้าทายมากขึ้น


  • แบบอดทั้งวัน (Eat-Stop-Eat): เป็นการอดอาหาร 24 ชั่วโมงเต็ม 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เช่น อดอาหารตั้งแต่เย็นวันจันทร์จนถึงเย็นวันอังคาร



เคล็ดลับการกินในช่วง Eating Window ให้ได้ผลสูงสุด

แม้ว่า IF จะไม่ได้จำกัดประเภทอาหาร แต่การเลือกอาหารที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและไม่กลับมาอ้วนอีก


  • เน้นอาหารครบ 5 หมู่: ในช่วงเวลากิน ควรทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ไขมันดี วิตามิน และแร่ธาตุ


  • โปรตีนสำคัญที่สุด: โปรตีนช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และยังช่วยให้อิ่มนานขึ้น ควรเน้นโปรตีนดีจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ไข่ ถั่ว และเต้าหู้


  • คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน: เลือกคาร์โบไฮเดรตที่มีใยอาหารสูง เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท และธัญพืชต่างๆ เพราะจะช่วยให้อิ่มนานและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่


  • ไขมันดี: อย่ากลัวไขมัน! เลือกไขมันดีจากอะโวคาโด ถั่ว เมล็ดพืช และน้ำมันมะกอก ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีและรู้สึกอิ่ม


  • หลีกเลี่ยงน้ำตาลและของทอด: ในช่วงเวลากิน ควรจำกัดอาหารแปรรูป น้ำหวาน น้ำอัดลม และของทอด เพราะจะทำให้ระดับอินซูลินพุ่งสูงขึ้นและขัดขวางการทำงานของ IF



สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในระหว่างการอดอาหาร (Fasting Window)

สิ่งที่ควรทำ:

  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ: การดื่มน้ำตลอดเวลาจะช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำและลดความรู้สึกหิวได้


  • ดื่มกาแฟดำหรือชาไม่ใส่น้ำตาล: กาแฟดำและชาเขียวสามารถช่วยกระตุ้นการเผาผลาญได้เล็กน้อยและไม่ทำให้ร่างกายหลุดจากภาวะอดอาหาร


  • ดื่มชาสมุนไพร: ชาไม่มีน้ำตาล เช่น ชาคาโมมายล์ หรือชาเปปเปอร์มินต์ ก็เป็นตัวเลือกที่ดี


  • ดื่มน้ำซ่าที่ไม่มีแคลอรี่: น้ำโซดาหรือน้ำเปล่าผสมโซดา (Sparkling Water) ก็ช่วยลดความอยากอาหารได้


สิ่งที่ไม่ควรทำ:

  • ดื่มน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล: ถึงแม้จะเป็นน้ำผลไม้คั้นสดก็มีน้ำตาลธรรมชาติซึ่งจะกระตุ้นอินซูลิน


  • ใส่น้ำตาลหรือนมในกาแฟและชา: การเติมน้ำตาลหรือนมจะทำให้คุณหลุดจากภาวะอดอาหารทันที


  • เคี้ยวหมากฝรั่งที่มีน้ำตาล: แม้จะเป็นปริมาณน้อย แต่ก็อาจส่งผลต่อระดับอินซูลินได้


  • ดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่: ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลมแบบไม่มีน้ำตาล (Diet Soda) แม้จะไม่มีแคลอรี่แต่สารให้ความหวานแทนน้ำตาลก็อาจส่งผลต่อการทำงานของลำไส้และระดับอินซูลินได้ในบางคน



ข้อควรระวังและผู้ที่ไม่ควรทำ IF

แม้ว่า IF จะปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางกลุ่มที่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มทำ หรือไม่ควรทำเลย


  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว: เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคความดันโลหิต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ


  • หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร: ร่างกายต้องการสารอาหารอย่างต่อเนื่องเพื่อบำรุงทารก ไม่แนะนำให้ทำ IF


  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน: เช่น โรคคลั่งผอม (Anorexia) หรือบูลิเมีย (Bulimia)


  • เด็กและวัยรุ่น: ร่างกายอยู่ในช่วงเจริญเติบโต จึงต้องการสารอาหารอย่างสม่ำเสมอ


ree


สรุป: IF ไม่ใช่แค่การลดน้ำหนัก แต่คือการปรับสมดุลชีวิต

Intermittent Fasting ไม่ใช่แค่สูตรลดน้ำหนักแบบชั่วคราว แต่เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินที่ส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว การทำ IF ที่ได้ผลสูงสุดคือการทำอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ พร้อมกับการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่กันไป เมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้ว คุณจะพบว่าการทำ IF ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และมันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพดีทั้งกายและใจอย่างยั่งยืน



คุณพร้อมที่จะเริ่มต้นเส้นทางใหม่นี้แล้วหรือยัง?


Comments


Meal by Meal logo
bottom of page